ประวัติขนมโค
ขนมโค ขนมพื้นบ้านชาวปักษ์ใต้ ภาษามาลายูถิ่นเรียกว่า ตือปง นอแน คล้ายขนมต้มขาวของคนภาคกลาง เชื่อว่าเป็นขนมโบราณที่ยังคงสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ขนมโคหรือตือปง นอแน ยังมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาตร์กับพื้นที่ภาคใต้มาอย่างยาวนาน จากความเชื่อของคนพื้นถิ่นที่ว่า ขนมโค เป็นขนมมงคล ใช้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือทั้งผี-พราหมณ์-พุทธ เช่น หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พระพิฆเณศ เป็นต้น
และคงไม่แปลกอะไร ที่ชาวบ้านจึงได้นำวัสดุท้องถิ่นมาทำเป็นขนมเพื่อบูชา แทนการใช้ขนมลาดูที่ชาวอินเดียบูชาองค์พิฆเณศ ซึ่งทางปักษ์ใต้เอง ก็มีขนมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ขนมดู ทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาล มะพร้าว เช่นเดียวกับขนมลาดู
แต่ขนมดูนั้นยังไม่อยู่ในความรับรู้ว่า สามารถนำมาใช้บูชา บนบานองค์พิฆเณศได้หรือไม่ หรืออาจไม่เป็นที่นิยมเพราะไม่อร่อยเหมือนกับขนมโค ซึ่งได้รับความนิยมสืบต่อกันมาถึงปัจจุบันมากกว่า ทำให้ความรับรู้นั้นคลี่คลาย และลืมเลือนไป
อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ทางประวัติศาตร์ของขนมโคกับพื้นถิ่นใต้นั้นน่าจะสืบเนื่องมาจาก บริเวณคาบสมุทรภาคใต้ ในอดีตเป็นสะพานเชื่อมโยงการค้าระหว่างโลกตะวันออก(จีนเป็นหลัก)-ตะวันตก(อินเดีย อาหรับ โรมัน)
เกิดเป็นชุมชนสถานีการค้าเมืองท่าทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน บรรดาพ่อค้าจากอินเดียและจีนเดินเรือเลียบชายฝั่งมาแลกเปลี่ยนสิ่งของ ตั้งถิ่นฐาน เช่นเมืองตะโกลา (Takola) หรือตะกั่วป่า เมืองไชยา แหลมโพธิ์ สุราษฎร์ธานี ตามพรลิงค์ นครศรีธรรมราช ซิงก่อร่า สงขลา(บริเวณคาบสมุทรสทิ้งพระ) ในการเข้ามาของพ่อค้านัก บวช(พราหมณ์-พุทธ)จากอินเดียนั้น ได้นำลัทธิ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธ เข้ามาเผยแพร่ เกิดการผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่น(ผี) ความเชื่อเหล่านี้ได้ฝังหยั่งรากลึกลงบบผืนดินแห่งคาบสมุทร กลายเป็นวัฒนธรรมความเชื่อ การเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนถึงรูปแบบพิธีกรรมเฉพาะถิ่นใต้ขึ้น เช่นการบนบานองค์พิฆเณศ ด้วยขนมโค เป็นต้น
นอกจากนี้ ขนมโค ยังมีความสัมพันธ์กับลักษณะทางภูมิศาสตร์ ในเขตพื้นที่ลุ่มปลูกข้าวและการทำตาลโตนด
ชาวปักษ์ใต้นิยมทำขนมโคไว้ทานเล่น เพราะทำได้ง่าย
เเหล่งที่มา:http://www.pattanilocal.go.th
ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียวแห้ง 2 ถ้วย
น้ำต้มใบเตย ½ ถ้วยตวง
น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาบปึก 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋า)
มะพร้าวขูด เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
-นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำปูนใสและน้ำใบเตยจนนุ่มพอที่จะปั้นได้สะดวก ควรนวดนานๆ อย่างน้อย 20 นาที แล้วใช้ ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมพักไว้อีก 30 นาที เป็นอย่างน้อย
-ขูดมะพร้าวด้วยที่ขูดมือเป็นเส้นฝอยเล็กๆ แล้วเคล้ากับเกลือถ้าต้องการเก็บไว้หลายชั่วโมง ให้นำขึ้นนึ่งให้ร้อนจัดเสียก่อนใช้
-คลึงแป้งที่นวดเตรียมไว้ออกเป็นแท่งกลมยาวแล้วใช้มีดตัดเป็นท่อนสั้น แต่ละท่อนเมื่อคลึงให้กลมแล้วจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ½ เซนติเมตร
-เมื่อแผ่แป้งแต่ละก้อนให้เป็นแผ่นบางตามขนาด ใส่น้ำตาลปึกที่เตรียมไว้ลงตรงกลาง แผ่นละ 1 ชิ้น ตลบชายหุ้มน้ำตาลให้มิด แล้วคลึงให้กลม
-ต้มน้ำให้เดือด นำแป้งที่ปั้นไว้ลงต้ม พอแป้งสุกจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ใช้ทัพพีโปร่งตักขึ้น ชุบน้ำเย็น สะบัดให้สะเด็ดน้ำ แล้วใส่ลงในมะพร้าว ที่คลุกเตรียมไว้แล้ว คลุกให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จจัดลงจานพร้อมเสิร์ฟได้
ข้อแนะนำ
-ถ้าแป้งแห้งไป เติมน้ำได้อีกครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ จนแป้งนิ่มพอจะปั้นได้สะดวก
เรียบเรียงบทความโดย : คุณปวีณา