วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทองหยิบ ทองหยอด


    ประวัติขนมทองหยิบ-ทองหยอด


         เมื่อสมัยอยุธยาเริ่มมีการเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศทั้งชาติตะวันออกและตะวันตก ไทยเรายิ่งรับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ เครื่องมือเครื่องใช้ วัตถุดิบที่หาได้ ตลอดจนนิสัยการบริโภคของคนไทยเอง จนบางทีคนรุ่นหลังแทบจะแยกไม่ออกเลยว่า อะไรคือขนมไทยแท้ๆ อะไรที่เรายืมเค้ามา เช่น ทองหยิบ ทองหยอดและฝอยทอง หลายท่านอาจคิดว่าเป็นของไทยแท้ๆ แต่ความจริงแล้วมีต้นกำเนิดจากประเทศโปรตุเกส โดย “มารี กีมาร์” หรือ “ท้าวทองกีบม้า”
       “ท้าวทองกีบม้า” หรือ “มารี กีมาร์” เกิดเมื่อ พ.ศ. 2201 หรือ พ.ศ. 2202 แต่บางแห่งก็ว่า พ.ศ. 2209 โดยยึดหลักจากการแต่งงานของเธอที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2225 และขณะนั้น มารี กีมาร์ มีอายุเพียง 16 ปี บิดาชื่อ “ฟานิก (Phanick)” เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมแขกเบงกอล ผู้เคร่งศาสนา ส่วนมารดาชื่อ “อุรสุลา ยามาดา (Ursula Yamada)” ซึ่งมีเชื่อสายญี่ปุ่นผสมโปรตุเกส ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในอยุธยา ภายหลังจากพวกซามูไรชุดแรกจะเดินทางเข้ามาเป็นทหารอาสา ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่นานนัก 
        ชีวิตช่วงหนึ่งของ “ท้าวทองกีบม้า” ได้เข้าไปรับราชการในพระราชวังตำแหน่ง “หัวหน้าห้องเครื่องต้น” ดูแลเครื่องเงินเครื่องทองของหลวง เป็นหัวหน้าเก็บพระภูษาฉลองพระองค์ และเก็บผลไม้ของเสวย มีพนักงานอยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นหญิงล้วน จำนวน 2,000 คน ซึ่งเธอก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ชื่นชม ยกย่อง มีเงินคืนทองพระคลังปีละมากๆ ระหว่างที่รับราชการนี่เอง มารี กีมาร์ ได้สอนการทำขนมหวานจำพวก ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง ทองพลุ ทองโปร่ง ขนมผิงและอื่นๆ ให้แก่ผู้ทำงานอยู่กับเธอและสาวๆ เหล่านั้น ได้นำมาถ่ายทอดต่อมายังแต่ละครอบครัวกระจายไปในหมู่คนไทยมาจนปัจจุบันนี้
         ถึงแม้ว่า “มารี กีมาร์” หรือ “ท้าวทองกีบม้า” จะมีชาติกำเนิดเป็นชาวต่างชาติ แต่เธอก็เกิด เติบโต มีชีวิตอยูในเมืองไทยจวบจนหมดสิ้นอายุขัย นอกจากนั้น ยังได้ทิ้งสิ่งที่เธอค้นคิดให้เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนรุ่นหลัง ได้กล่าวขวัญถึงด้วยความภาคภูมิ “ท้าวทองกีบม้า เจ้าตำรับอาหารไทย”
ทองหยิบ
          ทองหยิบ เป็นขนมโบราณที่อยู่ในชุดของขนมที่ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ เช่นกันเพราะขึ้น ต้นด้วยทองซึ่งมีลักษณะและสีคล้ายกัน ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ดังนั้น เมื่อนำมาใช้ในพิธีจะใช้เป็นชุดทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะถือเคล็ดที่ชื่อขนมขึ้นต้นด้วยทอง แล้ว ยังถือเคล็ดชื่อต่อท้ายคือหยิบ ซึ่งหมายถึง หยิบเงิน หยิบทองอันจะนำไปสู่ความ ร่ำรวยต่อไป
ทองหยอด
         ทองหยอดเป็นขนมโบราณชนิดหนึ่งซึ่งท่านผู้หญิงวิชเยนทร์ หรือนามเดิม มารี นินยา เดอ กีย์มาร์ เชื้อสายญี่ปุ่น – โปรตุเกส ภรรยาเจ้าพระยาวิชเยนทร์
(นามเดิมคอนสแตน ติน ฟอลคอลชาวกรีก) ท่านผู้หญิงวิชเยนทร์ มีตำแหน่งเป็นท้าวทองกีบม้า เป็นตำแหน่ง ผู้ปรุงอาหารหลวงโดยท่านได้นำเอาความรู้ที่มีมาแต่เดิมผสมผสานกับความรู้ท้องถิ่น
ปรุงแต่งอาหารขึ้นใหม่ จนเป็นที่รู้จัก คือ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง (เดิมชาวโปรตุเกส กินกับเนื้อย่างเป็นอาหารคาว)นับเป็นขนมชั้นดี ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ ซึ่งคนไทยเรายังถือ เคล็ดกันอยู่จึงใช้ขนมที่ขึ้นต้นด้วยทอง เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลตามชื่อขนม
ส่วนผสมของทองหยอด
-ไข่เป็ด 12 ฟอง
-แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
ส่วนผสมน้ำเชื่อมสำหรับทองหยอด
-น้ำตาลทราย 8 ถ้วยตวงหรือ 1 กิโลกรัม 8 ขีด
-น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง หรือ 8 ขีด
ส่วนผสมน้ำเชื่อมหล่อ
-น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
-น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วยตวง
ส่วนผสมของทองหยิบ
-ไข่เป็ด 10 ฟอง
ส่วนผสมน้ำเชื่อมสำหรับทองหยิบ
-น้ำตาลทราย 8 ถ้วยตวง
-น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
ส่วนผสมน้ำเชื่อมหล่อ
-น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
-น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วยตวง
วิธีทำ ทองหยอด
    1.แยกไข่เฉพาะไข่แดง แล้วใช้ไม้ตีไข่ตีจนไข่ขึ้นฟองฟู ตีประมาณ 8 นาที นำแป้งข้าวเจ้า มาร่อนประมาณ 1–2 ครั้ง ผสมกับไข่ที่ตีแล้ว โดยใส่แป้งลงไปทีละน้อย ใช้ช้อนค่อยๆคน ใส่สีแสด ให้เหมือนกับสีไข่ไก่
    2.นำ น้ำตาลทราย 8 ถ้วยตวงผสมน้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง ยกขึ้นตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลายกรองด้วยผ้าขาวบาง แบ่งน้ำเชื่อมออกเป็น 3 ส่วน แบ่ง 2 ส่วนเอาไว้หยอด อีก 1 ส่วนสำหรับแช่ที่หยอดเสร็จแล้ว นำน้ำเชื่อม 2 สวนที่แบ่งไว้ขึ้นตั้งไฟให้เดือดจนฟู
    3.นำไข่ที่ผสมแล้วมา หยอดเป็นเม็ด ใช้นิ้วกลางป้ายแล้วสลัดด้วยน้ำหัวแม่มือ หรือใช้สลัดด้วยช้อนก็ได้ หยอดไปจนแป้งที่เตรียมไว้หมด ปล่อยให้สุก ถ้าสุกแป้งจะลอยขึ้นตักลงแช่น้ำเชื่อมที่แบ่งไว้
วิธีทำทองหยิบ
แยกไข่ใช้เฉพาะไข่แดง ใช้ไม้ตีไข้ตีประมาณ 4 นาที นำน้ำตาลทราย 8 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำเปล่า 4 ถ้วยตวงตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วแบ่งน้ำเชื่อม 2 ส่วนตั้งไฟให้เดือดจนฟู พอที่จะหยอดได้ แล้วยกขึ้นจากเตา ใช้ช้อนตักไข่ที่เตรียมไว้ หยอดให้เป็นวงกลมๆ เต็มกะทะ แล้วยกขึ้นตั้งไฟจนเดือด ตักขึ้น ใส่ลงแช่ในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ แล้วจึงตักขึ้นมาหยิบเป็นดอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น